513 จำนวนผู้เข้าชม |
ปัจจุบันคนส่วนใหญ่ นิยมใช้เทคโนโลยีติดต่อสื่อสารกับคนรัก โดยเฉพาะช่วงวาเลนไทน์แบบนี้ หนุ่มๆสาวๆ อาจมีการใช้สมาร์ทโฟนกันมากเป็นพิเศษ จนอาจลืมสังเกตตัวเองไปว่า อาการแบบนี้เรา กำลังติดแชท มากเกินไปไหม? หรือบางท่านอาจเกิดความกังวลว่า การใช้สมาร์ทโฟนนานๆ จะส่งผลอันตรายต่อดวงตาถึงขั้นรุนแรงหรือเปล่า? "มองจอนานๆ ทำให้ตาบอดจริงไหม?" วันนี้ กู๊ด วิชั่น จึงมีบทความที่เป็นความรู้ดีๆ มาฝากทุกท่านกันค่ะ
Smartphone กับ Blue light
แสงสีฟ้า หรือ Blue light คือ แสงที่มีความยาวช่วงคลื่น 380 - 500 นาโนเมตร จึงมีการกระจายตัวของแสงสีได้ค่อนข้างมาก ซึ่งแสงสีฟ้า พบได้ทั่วไปทั้งจาก ดวงอาทิตย์ หลอดไฟ คอมพิวเตอร์ และสมาร์ทโฟนของเราเอง อย่างไรก็ตามหากเจอแสงสีฟ้าเป็นเวลานาน ทำให้มีอาการปวดตา ไม่สบายตา หรือล้าตาได้ง่าย เนื่องจากเกิดการเพ่งมากกว่าปกติ และเกิดการสะท้องของแสงเข้าตามากกว่าปกติ แต่ไม่ได้ทำให้ตาบอด หรือเกิดจอประสาทตาเสื่อมหรือหลุดลอกแต่อย่างใด (ยังไม่มีผลงานวิจัยที่น่าเชื่อ) แต่ทั้งนี้ แสงสีฟ้ายังมีประโยชน์อีกด้วย คือช่วยกระตุ้นให้ร่างกายมีการตื่นตัว หรือมีความ Active อยู่นั่นเอง
4 อาการที่บ่งบอกว่าเราใช้สายตา(ติดแชท) มากเกินไปไหม
1. ตาแห้ง เนื่องจากใช้สายตาเพ่งมองหน้าจอมากเกินไปทำให้เกิดการกระพริบตาที่น้อยลง จึงเกิดการสร้างชั้นน้ำตาที่น้อยลง และน้ำตาระเหยมากขึ้น
2. แสบตา น้ำตาไหล จากการที่ใช้งานหน้าจอในที่มีแสงสว่างไม่เพียงพอ ทำให้ใช้สายตาทำงานหนักมากขึ้น
3. ล้าตาและตามัวเป็นพักๆ เนื่องจากกล้ามเนื้อตาถูกกระตุ้นให้เกิดการใช้งานมากเกินไป โดยมักจะเกิดขึ้นในช่วงบ่าย หรือตอนเย็นหลังเลิกงาน และบางรายมีอาการปวดศีรษะร่วมด้วย
4. ปวดคอและหลัง เนื่องจากนั่งท่าเดิมเป็นเวลานาน เกิดอาการเกร็งไม่รู้ตัว และถ้าทำเป็นระยะเวลานานๆ จะส่งผลให้มีอากการปวดหัวอีกด้วย
วิธีการพักสายตาหากมีอาการข้างต้น
1. พักสายตาทุกๆ 20-30 นาที
2. เว้นระยะห่างจากหน้าจอ 30-40 เซนติเมตร
3. ปรับแสงไฟหน้าจอให้สว่างขึ้น
4. กระพริบตาให้บ่อยขึ้นในระหว่างวัน
5. ไม่เล่นโทรศัพท์ขณะอยู่บนพาหนะที่มีความเคลื่อนไหว
บทความโดย บุ๋ม นราภรณ์ O.D. (Doctor of Optometry)
นักทัศนมาตร ประจำร้านแว่นตา กู๊ดวิชั่น